top of page

การเชื่อมต่อมูลราก ให้ต้นไม้แห่งชีวิตเกิดสีสันที่แวววาวใหม่ : ลี่ฮว๋า


นักจิตบาบัดหญิงชาวอเมริกันชื่อ ซาเทียร์ ได้ใช้การอุปมาอุปไมยตัวตนที่เห็นเป็นภาพลักษณ์ดีมากว่า ประหนึ่งภูเขาน้ำแข็งมหึมาที่ลอยอยู่บนน้ำ อันเป็นรูปแบบให้คนวงนอกมองเห็นเป็นพฤติกรรมหรือการรับมือ เพียงแต่ปรากฏเป็นส่วนที่เล็กมากบนน้ำ ประมาณ 1/8 ส่วนอีก 7/8 ซ่อนอยู่ใต้น้ำ ซึ่งเป็น “ภายใน” ที่เก็บกดอยู่เป็นเวลานานและถูกเรามองข้ามไป เมื่อเปิดเผยความลับของภูเขาน้ำแข็งแล้ว เราจะมองเห็นความหวัง การรอคอย ทัศนะและความรู้สึกของชีวิต รวมทั้งตัวตนที่แท้จริง ส่วนตัวตนที่อยู่ชั้นก้นบึ้งสุดย่อมเป็นตัวกาหนดความสามารถแห่งพลังชีวิต จิตใจ จิตญาณ ความรัก ฯลฯ มีและไม่มีก่อเกิดซึ่งกันและกัน หลักสูตรที่เมืองวัฒนธรรมเต้าเต๋อเหลาจื่อขนานนามว่า “พลังแห่งชีวิต” ดิฉันคิดว่าท่านอาจารย์ให้เราค้นหาปัญหาและสาเหตุจากมูลราก แล้วไปเข้าใจ เข้าสู่และทำให้ชีวิตเบ่งบาน


ในชีวิตสอนหนังสือ เราเห็นได้เสมอว่า เด็กบางคนเป็นเด็กที่มีชีวิตชีวามาก เล็งผลเลิศและชีวิตเปี่ยมด้วยความกระตือรือร้น ทั้งยังเอาใจใส่และตั้งใจศึกษามาก และมีเด็กบางคนกลับกลัวความยากลำบากไปทุกที่ ขาดความมั่นใจ ความรู้สึกที่ปลอดภัยและเชื่อมั่นต่อชีวิต ไม่มีสมาธิในการศึกษา เกิดปัญหาอย่างนี้บ้างอย่างนั้นบ้าง ส่วนการค้นหาสาเหตุที่แท้จริงและวิธีแก้ไขที่อยู่เบื้องหลังของปัญหานั้น อาจจะเป็นกุญแจทองที่ไขประตูแห่งชีวิตก็เป็นได้ หลังจากการศึกษาคุณสมบัติชีวิตเมื่อคอร์สที่ผ่านมา ที่สำคัญสำหรับคอร์สนี้เราขยายการศึกษาเป็นการเชื่อมมูลราก ให้นักศึกษาเรียนรู้การเชื่อมมูลรากกับครอบครัว บิดามารดาและครูบาอาจารย์ของตน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเชื่อมมูลรากกับตนเอง รู้จัก เข้าใจและเปลี่ยนแปลงตนเอง


ก่อนอื่น ขอพูดถึงการเชื่อมมูลรากกับครอบครัวของเด็ก

รูปแบบพฤติกรรมของเด็กๆ มักจะติดสัญลักษณ์และตราประทับของครอบครัวดั้งเดิม รวมทั้งรองรับความสุขและความทุกข์ยากของครอบครัวดั้งเดิมอีกด้วย ให้เด็กๆ ไปดูต้นตอและสาเหตุที่เป็นอุปสรรคต่อความเจริญของชีวิตตนในจิตใต้สำนึก ชำระล้างการคิดของตน เผชิญกับความรู้สึกที่แท้จริงของตน เมื่อขจัดอุปสรรคแล้วเห็นความเป็นจริง สามารถผ่อนคลายปมปัญหาในใจของเด็กๆ อย่างได้ผล ดังนั้น ในบันทึกประจำสัปดาห์ในระยะเวลาหนึ่ง ให้เด็กๆ เขียนจดหมายให้พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย และพี่ๆ น้องๆ ทั้งหลาย จดหมายระยะแรกสุด เด็กๆ ทั้งหลายมักจะเขียนให้แก่คุณพ่อคุณแม่ที่คอยเอาใจใส่และรักถนอมการเจริญเติบโตของพวกเขาที่สุด และเด็กๆ จะเปิดเผยเสียงจากดวงใจของพวกเขาอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยกล้าเผชิญกับส่วนที่อ่อนเปราะที่สุดในส่วนลึกของจิตใจตน หรือกล่าวได้ว่า พวกเขาได้ค้นพบเป้าหรือช่องทางระบายความในใจแล้ว


เด็กคนหนึ่งพูดว่า นับแต่น้องชายเกิดมา คุณแม่ใช้กาลังวังชาส่วนใหญ่ไปกับน้องชาย มีเวลาหลายครั้งที่เธอต้องเก็บคำพูดที่จะพูดคุยแลกเปลี่ยนกับคุณแม่เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ พอเห็นคุณแม่มีงานยุ่งมากจึงเก็บกลับไป คุณพ่อก็ยุ่งอยู่กับการอ่านนวนิยายบนมือถือ ดังนั้น จึงมีความรู้สึกว่าตนมีแรงแต่ไม่มีที่ใช้ คิดแต่จะระบาย ยังโชคดีที่คุณแม่ของเธอก็ชอบวัฒนธรรมสืบทอด สนใจการให้การศึกษา หลังจากที่รู้สึกถึงปัญหานี้แล้ว ได้เพิ่มการแลกเปลี่ยนกับบุตรสาว ใจของเด็กคนนี้จึงค่อยๆ สงบลงได้ มีสมาธิและอารมณ์ที่กระตือรือร้นต่อการศึกษามากยิ่งขึ้น


เด็กคนหนึ่งกล่าวว่า เธอเริ่มค่อยๆ ยอมรับการทรยศเธอและคุณพ่อคุณแม่ มีความรู้สึกว่าเขาเป็นผู้ที่ไม่น่ารังเกียจและเจ้าเล่ห์อีกต่อไป เธอยังได้เรียนรู้ต้องใช้ท่าทีที่ให้อภัยผู้อื่น และจัดการปัญหาในการดำเนินชีวิตได้ถูกต้อง


มีเด็กคนหนึ่งเมื่อเพิ่งจะเริ่มเข้าเรียนชั้นมัธยมต้น ไม่กลัวฟ้ากลัวดินและครูบาอาจารย์ เขาบอกว่าคุณครูก็ไม่อาจทำอะไรเขาได้ แต่พอเรียนถึงชั้นมัธยมปีที่สอง รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของเขาได้อย่างเด่นชัด กลายเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดจา มีปัญหาในใจ ต่อมาเขาเขียนบันทึกในรายสัปดาห์ของเขาว่า เขากลับถึงบ้าน เวลาทำการบ้านใจไม่อาจสงบได้ เพราะเขาต้องคอยเงี่ยหูฟังว่าชั้นล่างมีเสียงหรือการกระทำอะไรบ้าง และมีเสียงทะเลาะของพ่อแม่หรือเปล่า ต่อมาดิฉันได้แลกเปลี่ยนความเห็นกับคุณแม่ของเด็กเป็นการส่วนตัว จึงทราบว่าพ่อแม่ของเขากาลังมีปัญหาจะหย่ากัน คุณแม่ของเขายินดีจัดการปัญหาความสัมพันธ์ด้านต่างๆ เพื่อลูกอย่างเอาการเอางาน ในวันเวลาหลังจากนั้น ท่าทีต่อการศึกษา การดำเนินชีวิตของเด็กได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เข้าเรียนและอภิปรายปัญหากับเพื่อนนักเรียนอย่างเอาการเอางาน ท่ามกลางการอยู่ด้วยกันกับเพื่อนนักเรียนได้เรียนรู้การสำรวจปัญหาของตน การสอบปลายภาคครั้งนี้กลายเป็นดาวดวงเด่นผู้ก้าวหน้าแล้ว


ในบทบันทึกประจาสัปดาห์ของเด็กคนหนึ่งได้เขียนถึงครอบครัวที่ปรองดองมากครอบครัวหนึ่ง คุณพ่อคุณแม่รักเธออย่างไร และเป็นเพื่อนกับเธอใช้ชีวิตสุดสัปดาห์ที่ยากจะลืมได้ เท่าที่ดิฉันทราบ เด็กคนนี้ถูกพ่อทอดทิ้งตั้งแต่เล็ก คุณพ่อหย่าขาดกับคุณแม่ คุณแม่เคียดแค้นคุณพ่อเธอมาก ไม่ยอมให้คุณพ่อมาเยี่ยมลูกเลย ความจริง คุณพ่อท่านนี้ได้รู้สึกสานึกผิดและอยากจะปรับตัวใหม่ คิดจะแอบดูลูกเสมอว่าเติบโตเป็นอย่างไรบ้างแล้ว คุณพ่อผู้น่าสงสารคาดคิดไม่ถึงว่าตนจะจำบุตรสาวของตนเองไม่ได้... ครั้นแล้วดิฉันจึงพูดกับเด็กอย่างเปิดอกเป็นการส่วนตัวอย่างลึกซึ้งครั้งหนึ่ง ดิฉันพูดว่าติฉันเคารพความรู้สึกของเธอ และเข้าใจความหวังของเธอด้วย พร้อมทั้งให้เธอพูดถึงภาพพจน์ของเธอที่มีต่อคุณพ่อด้วย เธอพูดว่า รู้แต่ว่าคุณพ่อไม่ต้องการเธอตั้งแต่เธอยังเล็กมาก เรื่องอะไรอื่นๆ เธอไม่ทราบเลย ดิฉันพูดว่า “ยามที่คนเรายังเยาว์วัยจัดการปัญหาไม่ค่อยเป็น ดังนั้น คุณพ่อของเธอจึงแอบใส่ใจการเติบโตของเธอ” เป็นครั้งแรกที่เห็นเด็กที่หัวแข็งอย่างเธอมีน้ำตาเต็มเบ้า... อันที่จริง เนื่องจากเธอเป็นเด็กเปราะบางและอายุยังน้อย ในใจเธอมีเงาที่ถูกทอดทิ้งตลอดมา ด้วยจิตใจเช่นนี้จคงเป็นเหตุให้ชีวิตเธอหดหู่ ดังนั้น เด็กชั้นมัธยมยังคงมีความสูงและน้ำหนักเท่าเด็กชั้นประถม ขออานวยพรเด็กคนนี้ด้วยความจริงใจ ให้เธอจงเจริญเติบโตด้วยดีและมีความสุข


มีคำพังเพยกล่าวว่า “ครอบครัวที่มีความสุขล้วนแต่คล้ายคลึงกัน ส่วนครอบครัวที่เคราะห์ร้ายต่างก็มีเคราะห์ของตนเอง” สวรรค์ได้ประทานปีกคู่หนึ่งให้เด็กบินทุกคน แต่ในจิตวิญญาณน้อยๆ ของเด็ก มิใช่จะราบรื่นเสมอ ยังได้ผ่านอุปสรรค ความทุกข์ยาก และการทดสอบต่างๆ นานา และสิ่งเหล่านี้อาจเป็นกรรไกรที่ตัดปีกที่อยู่ข้างหลังของเด็กจนขาด ให้เด็กๆ ทั้งชายหญิงสูญเสียความกล้าและความสามารถในการบิน ส่วนการให้การศึกษาของเราต้องไปชดเชยและเผชิญกับสิ่งที่สูญเสียไปนี้ ให้เด็กๆ สามารถเผชิญกับอุปสรรคและความทุกข์ยากในชีวิตอย่างถูกต้อง และสิ่งที่ต้องการคือ ให้พวกเขามีความเชื่อมั่น ความกล้าและความสามารถต่อการแปรเปลี่ยนปีกนกเป็นผีเสื้อ

2 views0 comments
bottom of page