คำอำนวยพร 12 กุมภาพันธ์ 2565

** ปีใหม่มีโฉมหน้า 4 อย่าง คือ โฉมหน้าที่อ่อนเยาว์ โฉมหน้าที่แข็งแรง โฉมหน้าที่ปีติสุข และโฉมหน้าที่ถ่อมตนอ่อนโยน คนเราจะชราภาพลงได้เพียงใบหน้า แต่กาลเวลาจะทำให้วิญญาณสร้างความซาบซึ้งใจให้คนมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับความสง่างามที่ไม่อาจฝึกฝนได้ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่แสดงออกโดยผ่านคำพูดและการกระทำ การวางเฉยก็ไม่อาจเสแสร้งได้ แต่ต้องอาศัยประสบการณ์ที่พิสูจน์ด้วยระยะเวลา
คำอำนวยพรอรุณสวัสดิ์
จากอาจารย์จ้าวเมี่ยวกว่อ * * *
ขอนำส่งการแบ่งปันเกี่ยวกับคัมภีร์ "เต้าเต๋อจิง" บทที่ 49 และคำอำนวยพรในเดือนแห่งการหว่านเพาะเมล็ดพันธุ์
[“อริยบุคคลเปลี่ยนความปรารถนา” คือการปฏิบัติตามเต๋า]
1.3 “อริยบุคคลเปลี่ยนความปรารถนา” มิใช่ไม่ทำอะไรเลย แต่เป็นตามเต๋า
จุดเด่นของเต๋าคือ กระทำโดยไม่กระทำ” ส่วนจุดเด่นของอริยบุคคลคือการ “เปลี่ยนความปรารถนา”
คำว่า “กระทำโดยไม่กระทำ” มิใช่ไม่ทำอะไรเลย และมิใช่ไม่ใช้สมองคิด หรือทำตามอำเภอใจ คำว่า “กระทำ” คือการทำงาน “ไม่กระทำ (อู๋เหวย)” คือหลักการของการทำงาน คำว่า “กระทำโดยไม่กระทำ” นี้ มีความสามารถในการทำจริงและมีภูมิปัญญาที่เหนือธรรมดา ทั้งยังมีพลังในการแบกรับ และจิตใจที่ปล่อยวางได้ การ “กระทำ” และ “ไม่กระทำ” เปรียบเสมือน หยินและหยางของวงกลมไท่จี๋ที่ส่งเสริมซึ่งกันและกัน หากขาดด้านใดด้านหนึ่งไป ชีวิตย่อมขาดความสมดุล เมื่อทั้งสองบรรลุถึงความเป็นเอกภาพ มนุษย์จะไม่ถูกความทะยานอยากชักจูง ไม่ถูกจำกัดด้วยชื่อเสียงผลประโยชน์ และไม่หวาดกลัวความเป็นความตายอีกต่อไป
เราจะทำความเข้าใจ “อริยบุคคลเปลี่ยนความปรารถนาตามความต้องการของมวลชน” อย่างไร การ “ใช้คัมภีร์อธิบายคัมภีร์” คือวิธีการศึกษาคัมภีร์ “เต้าเต๋อจิง” ที่ดีที่สุด ประโยคที่ว่า “อริยบุคคลเปลี่ยนความปรารถนาตามความต้องการของมวลชน” มีความหมายเดียวกับในบทที่ 7 ที่กล่าวว่า “อริยบุคคลวางตนอยู่หลังกลับได้นำหน้า อยู่นอกเหนือเป็นตายผลได้เสีย กลับรักษาชีวิตได้ เพราะไม่เห็นแก่ตัวมิใช่หรือ จึงประสบความสำเร็จ” หมายความว่า อริยบุคคลได้ก้าวข้ามจิตสำนึกของผลงานและชื่อเสียงไปแล้ว เช่นเดียวกับในบทที่ 13 ที่กล่าวว่า “หากข้าไร้อัตตา รับใช้คนทั่วหล้าดุจสนใจร่างกายตน ด้วยรักถนอมโลกดังชีวิตตน จึงฝากโลกให้เขาดูแล” หมายความว่า อริยบุคคลก้าวข้ามจิตสำนึกส่วนตนไปแล้ว และในบทที่ 27 กล่าวว่า “สันทัดช่วยเหลือคน ไม่มีใครถูกทอดทิ้ง สันทัดใช้สิ่งของ ไม่มีสิ่งใดถูกทิ้ง” หมายความว่า อริยบุคคลมิได้มีเพียงโลกุตรจิต ยังมีโลกิยปัญญาอีกด้วย เมื่อทั้งสองสิ่งนี้ประสานกันเป็นหนึ่งเดียวแล้วจึงสามารถเปลี่ยนชีวิต และมีพลังในการปกครองทั่วหล้าได้
การบำเพ็ญตบะของอริยบุคคล มิใช่การฝึกฝนโดยขังตนเองอยู่ในห้องเล็ก ๆ แต่เป็นการฝึกฝนความสงบอย่างแท้จริงท่ามกลางการเคลื่อนไหว และฝึกฝนความบริสุทธิ์แท้จริงท่ามกลางความขุ่นมัว อริยบุคคลอยู่ภายใต้เงื่อนไขเบื้องต้นของการปฏิบัติตามกฎหมาย ธรรมเนียมประเพณี และกระบวนการรับใช้สังคม โดยใช้ความวิริยะพากเพียรมาฝึกฝนไร้อัตตาและไร้นาม แล้วพัฒนาตนให้สมบูรณ์อย่างต่อเนื่องจนสำเร็จ
อาจารย์จ้าวเมี่ยวกว่อ
วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2565
(เผยแพร่วันที่ 1468)
* * *
** 新年有新四相:年轻相,健康相,喜乐相,谦和相。人能老去的只是容颜,但时间会让灵魂变得更动人,这就像优雅无法训练,那是品质透过言行渗透出来的;淡然也不能伪装,那是阅历经过时间沉淀出来的一样。早安!
早安!* * *
12“圣人无常心”是顺道而行
《道德经》第49章分享暨播种月祝福》连载12
三、“圣人无常心”不是什么都不做,而是顺道而行。
道的特点是“为无为”,圣人的特点是“无常心”。
所谓“为无为”不是无所事事,也不是不动脑筋、任性妄为。“为”是做事,“无为”是做事的原则。这三个字,既有做到的能力,又有超然的智慧;既有拿起的力量,又有放下的心胸。“为”与“无为”是浑然天成的大智慧,就像太极阴阳,相辅相成,缺少任何一面,人生都会失衡。二者达到统一时,人就再也不会被欲望所牵、被名利所限、被生死所惧了。
“圣人无常心”怎么理解呢?“以经解经”是学习《道德经》最好的方法。所谓“圣人无常心”:就像第七章中讲的“后其身而身先,外其身而身存。非以其无私邪?故能成其私”,表示圣人超越了功名意识;就像第十三章中讲的“及吾无身,故贵以身为天下,爱以身为天下,若可托天下”,表示圣人超越了自我意识;也像第二十七章中讲的“常善救人,故无弃人;常善救物,故无弃物”,表示圣人不但有出世的心胸,还有入世的智慧,这两者合二为一才是能改变生命、治理天下的力量。
圣人的静修,从不是关在小房子里修自己,而是在动中修真静,在浊中修真清——圣人是在服从国家法律、地域风俗的前提下,在服务社会的过程中,以精进努力,来修无我无名,从而不断完善自己,成就自己。
赵妙果,2022年2月12日,第1468天