top of page

ระหว่างความเป็นความตายคือการฝึกปฏิบัติ : หมิงจู



วันนี้เป็นวันเกิดของดิฉัน หลังจากเสร็จงานก็เป็นเวลาใกล้ค่ำแล้ว ดิฉันเริ่มตรวจดูข่าวคราวที่ไม่เกี่ยวกับงานบนมือถือ พบว่าเพื่อน ๆ ชาวเต้าซิ่นได้ส่งคำอำนวยพรมาให้มากมาย ดิฉันดีใจมาก และกำลังตอบกลับเขาทั้งหลาย ทันใดนั้นพบว่าในกลุ่มผู้ฝึกปฏิบัติส่งข่าวการจากไปของหัวหน้าการศึกษาท่านหนึ่ง ท่านนี้เป็นผู้ที่สวยงาม ฉลาด มีท่วงทำนองที่เลิศล้ำ ท่วงท่าการเป็นพิธีกรและลีลาการเต้นรำเป็นแบบอย่างของดิฉันมาตลอด พอได้ข่าวร้ายฉับพลัน รู้สึกใจหายพูดไม่ถูก


ในวันเกิดอันเป็นวัน “มหามงคล” ที่แล้วมาดิฉันจะเน้นใส่ชุดสีแดง ไม่คุยเรื่อง “อัปมงคล” วันนี้ได้เห็นอย่างทะลุปรุโปร่งว่า สวรรค์ได้แบ “ความเป็น” กับ “ความตาย” อยู่เบื้องหน้าเราโดยตรง ด้านหนึ่งคือ เสียงอำนวยพรให้ “สุขภาพแข็งแรง อายุมั่นขวัญยืน อ่อนเยาว์อยู่เสมอ” อีกด้านหนึ่งคือ เมื่อเพื่อนมิตรจากไป ดิฉันจะอยู่ด้วยกันกับทุกคนอ่านคัมภีร์และคำอธิษฐานที่สอดคล้องกับความเป็นจริงเพื่อเขา สวรรค์จะให้เราเข้าใจอะไรในนี้ให้ลึกซึ้งเล่า ดิฉันได้ขบคิดอย่างจริงจังดังนี้คือ


ชีวิตคืออะไร ชีวิตคือวิถีช่วงหนึ่งระหว่างความเป็นกับความตาย ความหมายของชีวิตคืออะไร

คือ การแสวงหาทรัพย์สมบัติและฐานะตำแหน่งใช่ไหม ในคัมภีร์ “เต้าเต๋อจิง” ชี้ว่า “รักมากย่อมเสียมาก ซ่อนไว้มากย่อมตายมาก” วัตถุเสื่อมโทรมได้ ทรัพย์สมบัติถูกขโมยและแย่งชิงไปได้ เวลาตายนำติดตัวไปไม่ได้ ส่วนฐานะตำแหน่ง แต่ไหนแต่ไรมายิ่งไม่เสถียร ในที่สุดชื่อเสียงและผลประโยชน์มิใช่ของเราแน่นอน การแสวงหาความรู้ความสามารถ การเขียนหนังสือและสร้างทฤษฎี และเป็น “อาจารย์ใหญ่” ด้านใดด้านหนึ่ง ได้รับความเคารพจากทุกคนใช่ไหม เรื่องนี้ดูเหมือนสูงส่งมากแต่คุณพ่อได้แสดงให้ดิฉันเห็นอย่างชัดเจนว่า ไม่ว่าในอดีตท่านจะฉลาดอย่างไร อะไรที่ผ่านตาแล้วไม่เคยลืม ทำงานวิจัยค้นคว้า ได้ผลสำเร็จ อธิบายเต๋าได้เก่งอย่างไร มีนักเรียนมากมาย ตวามสามารถในการดำเนินชีวิตปัจจุบันเทียบเคียงเท่าเด็กอนุบาลเท่านั้น ความรู้ความสามารถมิใช่เป็นของเรา แม้ผู้อื่นจะขโมยและแย่งชิงไปไม่ได้ แต่เราเองยังเก็บไว้ไม่ได้ บัดนี้หัวข้อเกี่ยวกับสุขภาพบนอินเตอร์เน็ตสามารถทำให้เกิดความสนใจได้มากมาย เพราะเราทุกคนต่างแสวงหาสุขภาพและอายุยืนยาว แต่คนเรามีการเกิดย่อมต้องมีการตาย เมื่อคนเรารับประทานธัญเบญจก จึงหลีกเลี่ยงการเจ็บไข้ได้ป่วยไม่ได้ เมื่อคนเสียชีวิตแล้ว ร่างกายจะถูกเผา สุดท้ายกายเนื้อของเราก็ไม่อาจรักษาไว้ได้ ร่างกายมิใช่เป็นของเรา จะแสวงหาความสุขใช่ไหม เรื่องนี้ดูเหมือนค่อนข้างจะเป็นไปได้ อย่างน้อยชั่วชีวิตนี้มีการหวนรำลึกที่ดีงาม แต่ผู้ป่วยด้วยโรคสูญเสียความจำมีจำนวนมากคือ มองจากรูปถ่ายก็นึกไม่ออกว่าเป็นประสบการณ์อะไรของตน แม้เป็นผู้ที่รักที่สุดอยู่เบื้องหน้ายังจำไม่ได้ว่าเขาคือใคร ถ้าเช่นนี้ชั่วชีวิตนี้อาจเป็นเพียงความว่างเปล่า หรือไม่ก็นับว่าสมความปรารถนาไปทุกเรื่อง ถึงยามเสียชีวิตยังเบิกบานใจ แล้วหลังจากนั้นเล่าเป็นอย่างไร ชีวิตนั้นไม่มีวันหยุดนิ่ง ชาตินี้ผ่านไปอย่างสุขใจ ยังต้องให้สิ่งที่ทำให้ตนสุขใจเหล่านี้วางลงให้หมด จากนั้นเล่าไปแห่งหนตำบลใด ยังสุขใจต่อได้หรือไม่ ชีวิตนั้นไม่จีรัง มีชาติหนึ่งที่เบิกบานใจ ความสุขมีอยู่ท่ามกลางชีวิตที่ยาวนาน ซึ่งเป็นเพียงแสงสว่างชั่วประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น

ถ้าเช่นนั้น สิ่งที่เป็นของเราชั่วชีวิตนี้อย่างแท้จริงคืออะไร สักวันหนึ่งเมื่อดิฉันต้องอำลาจากโลกอันเป็นมหาวิทยาลัยนี้ไป ผลงานที่แท้จริงของดิฉันคืออะไรเล่า ในคัมภีร์ “เต้าเต๋อจิง” บทที่ 59 “การปกครองเน้นคุณธรรม” ชี้ว่า “สั่งสมความดีไม่มีวันปราชัย ย่อมมีพลังงานมิอาจประเมินได้ จึงปกครองชาติบ้านเมืองได้ สร้างชาติมีรากฐาน จะรักษาได้ยาวนาน นี่แหละหยั่งรากได้ลึก มีฐานเหนียวแน่น เป็นเหตุที่อยู่ได้ยาวนาน” ดิฉันเข้าใจได้ว่า “เน้นหนักการสั่งสมความประพฤติที่มีคุณธรรม จึงไม่มีวันปราชัย เมื่อมีแต่ชัยชนะจะมีพลังงานที่ไม่อาจประเมินได้ มีพลังงานนี้แล้ว จึงจะสร้างหรือไปถึงดินแดนที่ตนใฝ่ฝันได้ เนื่องจากมีรากฐานของการสร้างชาติ จึงรักษายาวนานได้ นี่แหละเรียกว่า เหตุผลของการหยั่งรากได้ลึก มีฐานเหนียวแน่น และดำรงอยู่ได้ยาวนานนั่นเอง”


การสัญจรมายังโลกของคนเรามีเวลาสั้น ๆ แต่ล้ำค่า เพราะในมหาวิทยาลัยนี้ เราสามารถฝึกฝนหลอมหล่อความมีคุณธรรมและยกระดับจิตของตน ท่านอาจารย์ได้ใช้คุณสมบัติขั้นเทพ 33 ประการมาชี้ให้เราเข้าใจ ให้เราฝึกฝนท่ามกลางการดำเนินชีวิตและทำงาน คือฝึกฝนความมีคุณธรรม ฝึกฝนจนคุณสมบัติเหล่านี้เป็นความเคยชินตามธรรมชาติของเรา และเป็นตัวตนของเราเอง เมื่อ “ความรักฉันพี่ฉันน้อง ซื่อสัตย์ อ่อนน้อมถ่อมตน” “การปรองดองกายใจ ครอบครัวและสังคม” “ไปถึงที่ใดก็นำพาแสงสว่างและความสุขุมอ่อนโยนไปถึงที่นั่น” กลายเป็นความเคยชินที่ 1 ของเรา เมื่อภูมิปัญญาในคัมภีร์ “เต้าเต๋อจิง” ได้กลายเป็นเลือดเนื้อและการเคลื่อนไหวทางจิตใจ เราจึงเป็นเต๋า เป็นแสง และความรักอันไร้ขีดจำกัด อันที่จริงนี่ก็คือ ได้ฟื้นฟูถึงสัญชาตญาณดั้งเดิมของเรา ซึ่งมีความสงบ บริสุทธิ์ ไร้มลทินและโปร่งใส


การฝึกปฏิบัติที่วิริยะก้าวหน้าของหัวหน้าการศึกษาที่จากไปท่านนี้ การปฏิบัติด้วยคุณสมบัติ เราทุกคนได้พบเห็น ดิฉันเชื่อมั่นว่า เมื่อท่านจากไป จะต้องนำพาสิ่งที่ดีงามกว่าและวิญญาณที่มีระดับสูงกว่าจากไปอย่างแน่นอน 3 วันให้หลัง หลังจากได้ทำพิธีเผาศพอาจารย์ท่านนี้ ทุกคนได้เห็นพระธาตุเป็นการพิสูจน์แล้ว ยังมีอะไรที่ยอดเยี่ยมกว่าการมองเห็นสิ่งเหล่านี้เล่า


ในคัมภีร์ “เต้าเต๋อจิง” บทที่ 33 “การฝึกอบรมของผู้ปราดเปรื่อง” กล่าวว่า “ไม่สูญเสียรากฐานเป็นผู้ยั่งยืน ตัวตายความดีอยู่ เป็นผู้ยั่งยืนแท้จริง” เป็นการกล่าวว่า ผู้ไม่สูญเสียรากฐานเป็นผู้ยั่งยืน ตัวตายแต่เจตนารมณ์ยังอยู่ จะมีอายุยั่งยืนแท้จริง ความตายเป็นเพียงภาพในใจ เมื่อวิญญาณของเราออกจากร่างกายนี้แล้ว เวลาที่หวนคืนสู่แหล่งกำเนิดเต๋า เป็นการเข้าสู่ชีวิตอีกระดับชั้นที่สูงยิ่งขึ้น มีอายุยั่งยืน รอดพ้นความเป็นความตาย


มีนักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า “พลังงานชีวิตเป็นการเคลื่อนไหวของคลื่นไซน์ (sine) การเคลื่อนไหวนี้มีความยาว ความเร็ว สีสัน สิ่งสำคัญยิ่งกว่าคือ มีมิติ คือองศาอิสระของมิติ” เราต้องมีอิสรเสรีมากๆ ก่อนอื่นต้องมีทัศนะความเป็นความตายที่ถูกต้อง จงขจัดความเขลาและหวาดกลัวต่อความตาย ต่อไปนี้คือการฝึกฝนหลอมหล่ออย่างจริงจังทุกวัน


เมื่อคิดถึงตอนนี้ ดิฉันรู้แล้วว่า รูปแบบการแสดงความคารวะที่ดีที่สุดต่อหัวหน้าการศึกษาท่านนี้คือ จะถือบัดนี้เป็นโอกาสการฝึกปฏิบัติที่ดีที่สุด ดิฉันจะใช้ถ้อยคำภาษาที่อ่อนโยนและอดทนมากยิ่งขึ้นกว่าปกติ โทรศัพท์ให้คุณแม่ ขอบคุณการให้กำเนิดและเลี้ยงดูของท่าน ดิฉันหวังว่าถ้อยคำภาษาของดิฉันจะทำให้ท่านอบอุ่นใจ สามารถให้ท่านรู้สึกว่า แม้จะอยู่ห่างไกลกันคนละที่ แต่ยังมีดิฉันคอยเอาใจใส่ชีวิตความเป็นอยู่และอยู่เป็นเพื่อนกับท่าน เมื่อคุณพ่อ สามีและลูกชายร้องเพลงสุขสันต์วันเกิดให้ดิฉัน เวลาตัดเค้ก ดิฉันได้โอบกอดพวกเขาทีละคน ตั้งใจขอบคุณความเอาใจใส่ด้วยความรักของพวกเขา เวลานั้นดิฉันยังไม่ได้พูดถึงความปรารถนาในวันเกิด อันที่จริง ความปรารถนานั้นคือ “เมื่อมีชีวิตอยู่ได้ยาวนาน จะฝึกปฏิบัติไปตลอดกาล ไตรภพเต้าเต๋อสันติสุข”


ขอขอบคุณต่อการได้กำเนิดของเรา ได้ให้ร่างกายอันล้ำค่าแก่เรา เมื่อมีพื้นฐานของการฝึกปฏิบัติเพื่อต้อนรับการตายที่ยิ่งใหญ่ ดิฉันตั้งปณิธานจะฝึกปฏิบัติท่ามกลางการดำเนินชีวิต ทำให้สิ่งละอันพันละน้อยของการดำเนินชีวิต ล้วนแต่สามารถแปรเปลี่ยนเป็นเสบียงข้อมูลให้ดิฉันมุ่งหน้าไป มีเพียงการฝึกปฏิบัติอย่างต่อเนื่องระหว่างความเป็นความตาย สามารถทำให้เราอยู่เหนือกว่าความเป็นความตาย

0 views0 comments