
1 กายบริหาร
พัฒนาสมองซีกขวา
กายบริหารบำรุงรักษาสุขภาพตามคัมภีร์ “เต้าเต๋อจิง” ของท่านเหลาจื่อบทที่ 5 "ไม่เอนไม่เอียง" ช่วยในการปลุกกระตุ้นพลังอันยิ่งใหญ่ภายในร่างกาย กระตุ้นเซลล์สมองให้มีชีวิตชีวา ป้องกันและชะลอภาวะสมองเสื่อม ชำระล้างพลังชีวิตที่เจ็บป่วย เสริมพลังชีวิตที่บริสุทธิ์ และเปิดเส้นทางเดินพลังงานแสง(ออร่า) ทั้ง 7 สีในร่างกายให้สว่างไสว
กายบริหารเต้าซิ่นมีทั้งหมด 3 ท่าด้วยกัน เป็นท่าที่ง่ายต่อการเรียนรู้
ท่าที่ 1 รวบรวมสมาธิ
ท่ากระทำ : ค่อยๆ ยกแขนทั้งสองขึ้นมาด้านหน้าช้าๆ นิ้วทั้งสิบกางออกเล็กน้อย นิ้วมืองอโค้งตามธรรมชาติ ฝ่ามือคว่ำลง เหมือนจับชามข้าวคว่ำ ยกขึ้นถึงระดับเอว ค่อยๆ กดฝ่ามือลง ขณะที่กดฝ่ามือทั้งสองลง นิ้วมือเหยียดตรงเล็กน้อย แล้วค่อยๆ เคลื่อนย้ายกลับทิศทางเดิมลงล่าง เคลื่อนมาทางด้านข้างแล้วกลับคืนสู่ข้างลำตัว
หลักการ : คัมภีร์ « เต้าเต๋อจิง » ของท่านเหลาจื่อบทที่ 5 กล่าวว่า “ระหว่างฟ้ากับดินเหมือนกระบอกสูบลมมิใช่หรือ? แม้ว่างเปล่า แต่กลับใช่ว่างไร้ไม่ ยิ่งมีการเคลื่อนไหวมากเท่าไร ยิ่งก่อเกิดลมไม่รู้หมดรู้สิ้นเท่านั้น” นี่หมายความว่า จักรวาลเหมือนดั่งกระบอกสูบลมที่ใหญ่มหึมา แต่ร่างกายมนุษย์ซึ่งเป็นจุลจักรวาล เหมือนดั่งกระบอกสูบลมน้อยๆ เมื่อชักดึงและดันทำให้พลังชีวิตแท้จริงภายในร่างกายเคลื่อนไหวตามแนวดิ่ง ขณะที่ยกมือขึ้นข้างบนจะนำเอาพลังชีวิตที่ผ่านการกลั่นกรอง ซักฟอกให้บริสุทธิ์เข้าสู่ร่างกาย ขณะที่กดมือลงข้างล่าง ก็ขับเอาพลังชีวิตที่ป่วยและไร้ประโยชน์ออกจากร่างกายโดยผ่านฝ่าเท้าทั้งสอง ขับไปสุดหล้าฟ้าเขียว หากลองสัมผัสอย่างละเอียดถี่ถ้วน จะพบว่าเซลล์ทุกเซลล์ในร่างกาย อวัยวะทุกส่วนและไขกระดูกของท่านต่างเหมือนได้อาบชำระล้างจนหมดจดสะอาดสะอ้าน ในขณะที่ยกมือขึ้นและกดมือลงนี้ สามารถอิงพลังงานในจักรวาลนำเอาสนามแม่เหล็กของสิ่งมีชีวิตที่ไม่เป็นระบบระเบียบในร่างกายปล่อยให้โลกใหญ่มหึมา แปลงสภาพเป็นแม่เหล็กมีความสะอาดและกระตุ้นให้เชื่อมประสานฟ้าดิน ขยายสู่จักรวาล โอบอุ้มจักรวาล นี่เป็นวิธีการอันยอดเยี่ยม เป็นการเปิดกว้างและเสริมศักยภาพของซอฟท์แวร์ในร่างกายตนให้มีความเสถียรในการบำบัดรักษาโรคอย่างรวดเร็ว
ท่าที่ 2 ฟ้าคนรวมเป็นหนึ่ง
ท่ากระทำ : มือซ้ายเคลื่อนจากข้างลำตัวเป็นวงโค้งถึงจุดเสินเฉว้(คือจุดกลางสะดือ) ในเวลาเดียวกันมือขวาก็เคลื่อนจากข้างลำตัววาดเป็นวงโค้งไปกลางเอวด้านหลัง แนวทางเคลื่อนไหวดุจดังมัจฉาหยิน-หยางแหวกว่ายไปมา กลางฝ่ามือซ้ายและขวาหันเข้าหากันทั้งหน้าและหลัง จากนั้นมือทั้งสองข้างก็เคลื่อนย้อนมาทิศทางตรงกันข้ามทั้งหน้าและหลังพร้อม ๆ กัน มือขวาไปที่จุด เสินเฉว้ มือซ้ายไปที่กลางเอวหลังทั้งหน้าและหลังสลับกันเป็นวงโค้งรูปอักษร S (~) ข้อสำคัญของท่าบริหารนี้คือ อาศัยข้อมือพาข้อศอก ข้อศอกพาหัวไหล่ แขนทั้งสองข้างผ่อนคลายตามธรรมชาติหมุนเวียนเคลื่อนที่
หลักการ : ในคัมภีร์ « เต้าเต๋อจิง » ของท่านเหลาจื่อบทที่ 25 กล่าวไว้ว่า “มีสิ่งหนึ่งซึ่งได้ผสมผสานเป็นอันหนึ่งอันเดียวโดยมิอาจแบ่งแยก อุบัติขึ้นก่อนฟ้าก่อนดินจะก่อตัว เงียบงันไร้เสียง ว่างเปล่าไร้รูป ดำรงอยู่โดยอิสระตามลำพังมิแปรผันชั่วนิรันดร์ โคจรหมุนเวียนเป็นวัฏจักรมิเหนื่อยหน่ายตลอดกาล กล่าวได้ว่าเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดและฟูมฟักสรรพสิ่ง ข้ามิทราบชื่อสิ่งนั้น ขอเรียกสิ่งนั้นว่า “เต๋า” ขอฝืนให้นามว่า “ยิ่งใหญ่” “ยิ่งใหญ่” หมายความว่า ไม่มีที่สิ้นสุด ดำเนินไปในทุกแห่งหน “ดำเนินไป” หมายความว่า บรรลุซึ่งยาวไกล “ยาวไกล” หมายความว่า ที่สุดย่อมย้อนกลับ...” กายบริหารท่านี้ แสดงประวัติความเป็นมาแห่งการโคจรของเต๋าก่อนโลกอุบัติขึ้น คือไท่จี๋ ลายเส้นอักษร S ในรูปไท่จี๋ เมื่อสะท้อนเข้ามาในร่างกายก็คือ เส้นไต้ม่าย (เส้นรอบเอว) อันเป็นเส้นชุมสายหยินและหยางที่บรรจบและแยกกัน การเคลื่อนไหวของแขนทั้งสองข้างเปรียบเสมือนมัจฉาหยินและหยางของไท่จี๋ กำลังแหวกว่ายไปมา ลักษณะพิเศษของท่าบริหารคือ เคลื่อนไหวไปในทิศทางขวาง เพื่อที่จะทะลวง เส้นไต้ม่าย ในร่างกาย บางคนฝึกพลังเป็นเวลาหลายปี แต่ยังคงรู้สึกปวดโน่นปวดนี่ และไม่เคยสบายสักที ทั้งนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการไม่ทะลุทะลวงผ่าน เส้นไต้ม่าย เพราะไม่ทราบความลี้ลับที่ว่า “มีแต่เส้นตรงดิ่งหากไม่มีเส้นขวาง ย่อมมิอาจเกิดเป็นเส้นรอบวงได้” ถ้าฝึกออกกายบริหารชุดนี้เป็นเวลายาวนาน จะบังเกิดปรากฏการณ์ทางฟิสิกส์ขึ้น ดังท่านเหลาจื่อกล่าวว่า “แรกเริ่ม “เต๋า” สืบสายมาจากองค์รวมวัตถุบรรพกาลที่ผสมผเสเป็นหนึ่งเดียว เป็นองค์รวมวัตถุบรรพกาลหนึ่งไม่มีสองที่แตกตัวก่อเกิดเป็นสองพลังชีวิตหยินและหยางที่ตรงกันข้าม พลังชีวิตตรงกันข้ามหยินและหยางทั้งสองเคล้าประสานผันกำเนิดบังเกิดสิ่งที่สาม เป็นภาวะกลมกลืนดุลยภาพ” ซึ่งก็คือ ความเป็นหนึ่งเดียว หมายถึง แก่นสารพลังชีวิตหยิน-หยางที่ผสมผเสมิได้แบ่งแยก สองพลังชีวิต หมายถึงหยินและหยาง สิ่งที่สาม หมายถึง สอดคล้องกับเต๋า การที่เต๋าเป็นปฐมเพราะในเต๋ามีแก่นสารพลังชีวิต ในเต๋ามีสื่อข้อมูลที่มีผลให้อ้างอิงอาศัย รากฐานชีวิตมนุษย์ก็คือแก่นสารชีวิต สิ่งที่เรียกว่าสอดคล้องกับเต๋า ก็คือ มีแก่นสารชีวิตที่อุดม มีพลังชีวิตที่เปี่ยมบริบูรณ์และมีภาพรวมทางจิตใจ ทางจิตสำนึก และการคิดที่สมบูรณ์ ดังนั้น จึงส่งสื่อที่สมบูรณ์มีพลังสู่ภายนอกร่างกาย นี่แหละคือ “ในเต๋ามีสื่อที่มีผลให้อ้างอิงอาศัย” สื่อในที่นี้คือ เต้าเต๋อซิ่นซีอันทรงพลานุภาพทางวิทยาศาสตร์นั่นเอง
ท่าที่ 3 เต๋าธรรมชาติ
ท่ากระทำ : ค่อยๆ กางแขนทั้งสองออกจากข้างลำตัวช้าๆ หงายฝ่ามือขึ้น ค่อยๆ ชูขึ้นเหนือศีรษะ ฝ่ามือทั้งสองวางซ้อนกัน แล้วคว่ำฝ่ามือลง โดยให้มือขวาอยู่ล่าง มือซ้ายอยู่บน จากนั้นค่อยๆ เลื่อนมือทั้งสองที่ซ้อนประสานกันนี้ผ่านจุดซั่งตันเถียน(อยู่เหนือหว่างคิ้ว) จงตันเถียน(อยู่กลางทรวงอก) แล้วเลื่อนลงมาตามธรรมชาติถึงจุด เซี่ยตันเถียน(อยู่กลางท้องน้อย) แล้วกลับสู่ข้างลำตัวเหมือนเดิม ต่อจากนี้แล้วเริ่มต้นใหม่ ทำซ้ำแล้วซ้ำอีกกลับไปกลับมา
หลักการ : กายบริหารท่านี้แสดงถึงเส้นทางเคลื่อนไหวของขอบวงนอกไท่จี๋ เหมือนดั่งได้เชื่อมประสานทั่วทั้งจักรวาลแทบทุกลมหายใจเข้าออกท่ามกลางความเลือนรางและกลมกลืนกับธรรมชาติเป็นกายทิพย์เดียวกัน ดูดซับรับพลังงานเต้าเต๋อซิ่นซีทุกมิติ แล้วเข้าสู่ภาวะไร้อัตตา เมื่อฝึกฝนหลอมหล่อจนถึงสภาวะไร้ (ไม่มี) การคิดทุกแวบที่เกิดขึ้น ย่อมเป็นสัมมาสติ มีเมตตาและจริงใจ จึงจะเชื่อมประสานกับร่างกายตนทุกลมหายใจและหลอมเป็นกายทิพย์เดียวกับจักรวาลเกิดการเคลื่อนไหวพร้อมกัน การคิดที่มีสัมมาสติ มีเมตตาและจริงใจทุกครั้งล้วนแต่มีพลานุภาพทั้งนั้น พลานุภาพนี้จะกล่อมเกลาและเรียกหาสรรพสิ่งในจักรวาล รวมทั้งพลังชีวิตที่มีปฏิภาณในร่างกายตนมาช่วยให้ความปรารถนาของเราปรากฏเป็นจริงขึ้น ฝึกฝนหลอมหล่อกายบริหารชุดนี้เป็นเวลายาวนาน แน่นอน ยังต้องมีจิตใจที่เห็นแก่ส่วนรวม ไม่เห็นแก่ตัว อุทิศตนเพื่อผู้อื่นและลืมคำว่าฉัน จึงจะมีคุณงามความดีอันไร้ขีดจำกัดได้ คุณธรรมคือ คุณูปการ คุณูปการก็คือคุณธรรม