top of page

เมื่อประสบปัญหาจะหาคำตอบได้จากที่ใด : โหรวเหอ


วันที่ 1 มา 7 ธ.ค. สถานธรรมสาธารณประโยชน์ของประชาชนตั้งอยู่ที่หลัวซือวาน ดิฉันทำหน้าที่เป็นโฆษก ดิฉันได้เปลี่ยนรูปแบบการถามการตอบ โดยการศึกษาประยุกต์ใช้ภูมิปัญญาในคัมภีร์ “เต้าเต๋อจิง” มาแก้ปัญหาการดำเนินชีวิต


คำถามที่ 1 เป็นคำถามของเสี่ยวเฉวียน

เธอเป็นแพทย์หญิง และเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เธอมีความกระตือรือร้นและรักการเรียนรู้ เวลาว่างมักใช้ไปกับการศึกษาหรือทำงานเพื่อสาธารณประโยชน์ ทั้งยังช่วยติวการบ้านโดยไม่เก็บค่าใช้จ่ายใด ๆ ให้เด็ก 4 คนที่ไม่ยอมไปโรงเรียน คิดไม่ถึงว่าลูกชายตนเองก็ไม่ยอมเรียนหนังสือด้วย ชั่วเวลาแผล็บเดียวได้อยู่บ้านเป็นเวลา 2 ปีแล้ว เธแปวดใจมาก เธอผู้เคยศึกษาจิตวิทยาทราบดีว่า ปัญหาของลูกคือปัญหาของแม่ แต่ไม่ทราบว่าจะแก้ไขให้ถูกต้องอย่างไร เธอสงบจิตลง ถือโอกาสเปิดคัมภีร์ “เต้าเต๋อจิง” ซึ่งเปิดขึ้นมาเป็นบทที่ 38 “บรรทัดฐานคุณงามความดี” เราร่วมกันอ่านเนื้อหาบทดั้งเดิม บทแปล และคติธรรมบทนี้ด้วยกัน หลังจากอ่านจบแล้ว เธอได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์จุดตื่นรู้ในขณะนี้ สมาชิกชาวเต้าซิ่นก็ได้แสดงความคิดเห็นให้เธอพิจารณาด้วย


อันที่จริง เธอเป็นคนที่สวยงามมาก ไว้ผมสั้น ใส่เสื้อแจ๊คเกตสีดำ หล่อเหมือนผู้ชาย เมื่อเธอมีอายุ 1 ขวบ คุณแม่ได้จากเธอไป เธอยังมีพี่ชายพี่สาว มีชีวิตที่ยากลำบากแสนเข็ญ ด้วยเหตุนี้ เธอจึงเป็นตัวของตัวเองและชอบเอาชนะคนอื่น เพื่อปหป้องตนเองไม่ถูกเขารังแก เธอบอกว่าความฝันของเธอคือ เป็นนักดาบผู้รักความเป็นธรรม ดังนั้น เธอมีจิตใจที่กระตือรือร้นคอยช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ หากคนเราเคยชินกับการกอบกู้ชีวิตผู้อื่น พอดีมีความหมายที่แสดงถึงความอ่อนเปราะจากส่วนลึกของจิตใจตน และผู้ที่กอบกู้ชีวิตเช่นนี้จะถลำสู่รูปแบบการหมุนเวียนไม่ดีที่เพิ่มการให้ร้ายหรือถูกทำร้าย ก่อให้เกิดปัญหามากมายและความสงสัยแก่ชีวิต อันที่จริง ผู้ที่ต้องการความรัก ช่วยชีวิต และล้างบาปนั้นคือ ตนเอง


ในคัมภีร์ “เต้าเต๋อจิง” บทที่ 38 กล่าวว่า “เลิศคุณธรรมไม่ถือตนมีคุณธรรม จึงมีคุณธรรม ด้อยคุณธรรมแต่ถือว่าตนมีคุณธรรม จึงไม่มีคุณธรรม ผู้เลิศคุณธรรมสร้างคุณธรรมด้วยจิตสำนึก...” ส่วนคติธรรมมีข้อหนึ่งกล่าวว่า “จะให้คนดีอยู่เย็นเป็นสุขตลอดชีวิตได้นั้น จะอาศัยแต่ความฉลาดทางปัญญาไม่ได้ มีเพียงความซื่อสัตย์มากเท่านั้น จึงจะมีความยั่งยืน”


เราทำการกุศล ทำสาธารณประโยชน์ มิใช่เพื่อพิสูจน์ตนเอง และได้รับการยอมรับจากโลกภายนอก เพียงแค่ส่วนลึกของจิตใจชอบใจและมีสุข โดยเฉพาะต้องให้ความสนใจว่า ดำเนินไปตามกำลังของตน ทำในเรื่องที่ตนทำได้ มิฉะนั้น จะทำให้ผู้อื่นเสียหาย รวมทั้งตนเองด้วย การฝึกปฏิบัติตนและครอบครัว แม้สามีภรรยาจะหย่ากันแล้ว ยังต้องช่วยให้พ่อลูกเชื่อมโยงมูลราก เธอกล่าวว่าหลังจากลูกหยุดเรียนแล้ว เพื่อให้การศึกษาแก่ลูก บัดนี้ทั้งสองฝ่ายรวมทั้งผู้อาวุโสล้วนไปมาหาสู่และมีมิตรไมตรีต่อกันดีมาก อาจเป็นเพราะลูกใช้รูปแบบพิเศษของเขา ให้คติแก่ญาติสนิทของตนให้สอดคล้องเต๋าและคุณธรรม (เต๋อ) บทบาทของผู้เป็นแม่ในครอบครัวมีความสำตัญมาก แม้จะบอกว่าฟ้าไม่สดใส ขอเพียงดินมีความสงบสุข ยังสามารถรองรับสรรพสิ่งได้ แต่ผู้เป็นแม่จะโทษตนเป็นเหตุฝ่ายเดียวด้วยการทรมานตนเองโดยมีชีวิตอยู่ท่ามกลางความอับอายและรู้สึกสำนึกในบาปมิได้ ในโลกนี้ไม่มีพ่อแม่ที่ดีสมบูรณ์แบบ หากได้ทำหน้าที่อย่างสุดจิตสุดใจจึงควรพึงพอใจแล้ว มิฉะนั้น ความอับอายและรู้สึกสำนึกในบาปจะก่อเกิดเป็นแรงกดดันใหม่ได้


อาจารย์ฉวีกล่าวว่า “ยกขึ้นได้ ปล่อยวางและคิดตกได้ หากมีปัญญาและความสามารถเพียงพอ ย่อมนำพากายใจของลูกให้เจริญเติบโตด้วยดี แน่นอนเนเรื่องที่โชคดีมาก หากเตือนแล้วเตือนอีกจนเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าทั้งจิตใจและกำลังกาย เหตุใดไม่เปลี่ยนวิธีใช้ชีวิตเล่า” ลองหันมาทำเรื่องที่ชอบ ทำให้ตนมีความสุข นำเรื่องที่ไม่อาจจัดการและแก้ไขให้แก่ลูกๆ ไป ในเมื่อเป็นเด็กกำพร้าก็ต้องเรียนรู้การอยู่รอดและเจริญพัฒนา หากคนเราไม่อาจควบคุมอารมณ์และการดำเนินชีวิตได้ตลอด จะกำหนดชีวิตตนได้อย่างไร


เต๋ามีความเรียบง่ายมาก อารมณ์ของบิดามารดากับลูก ๆ นั้นเชื่อมต่อกัน เมื่อใช้บรรดาวิธีการแล้วแต่ไร้ผล จงพยายามเป็นมารดาที่สุขสันต์เถิด ใช้ความรักที่ไร้เงื่อนไขของมารดาไปรักษาให้หาย ทั้งใช้ความสุขสันต์และอบอุ่นของมารดาไปช่วยเหลือลูก ๆ ออกจากสภาพที่ยากลำบาก ไม่ต้องมีคำพูดที่ไร้สาระซึ่งมีเหตุผลมากมายและซ้ำซ้อน ตนไม่มีความหวาดกลัวแล้ว จึงจะมีความเชื่อมั่นและอำนวยพรได้อย่างแท้จริง เราขออำนวยพรให้เธอจงรักตัวเอง ยอมรับตัวเอง ยืนหยัดศึกษาประยุกต์ใช้อย่างแน่วแน่ เชื่อมั่นว่า ภายใต้การนำพาของมารดา ลูกๆ จะนับวันยิ่งดี และกลับเข้าเรียนโดยเร็ว


คำถามที่ 2 เป็ยคำถามของคุณป้าวัย 60 ปีเศษ

คุณป้าท่านนี้มีอาการนอนหลับไม่ดี เราขอแนะนำให้ท่านลองเปิดคัมภีร์ “เต้าเต๋อจิง” ดูๆ ภูมิปัญญาในคัมภีร์ช่วยท่านได้ไหม ท่านเปิดได้บทที่ 9 “วัตถุพัฒนาถึงที่สุดย่อมย้อนกลับ” เรามาอ่านเนื้อหาบทดั้งเดิม บทแปลและคติธรรมของบทที่ 9 พร้อมกันทั้งหมดคือ “เอาเสียจนล้นปรี่ มิสู้รับพอดีไว้ มีดคมแหลมปลาย คงคมได้ไม่นาน มีหยกมีทองเต็มหอ ใครหนอรักษาไว้ได้ ยโสสูงศักดิ์กว่าใคร นำภัยสู่ตน มิสู้ถอนตัวเมื่อสัมฤทธิ์ผล นี่คือวิถึเต๋าเอย”


เมื่ออ่านจบคุณป้ารู้สึกตื่นเต้นและสบายใจมาก ท่านยิ้มแล้วพูดว่า“ฉันเข้าใจแล้ว รู้แล้วคัมภีร์“เต้าเต๋อจิง” ของท่านเหลาจื่อช่างอัศจรรย์เหลือเกิน” ท่านทราบแล้วว่าผิดอยู่ที่ใด เพียงแต่พูดไม่ออกเท่านั้น แต่ในใจทราบดีว่า เมื่อกลับไปแล้วควรทำอย่างไร ท่านบอกว่า “ฉันต้องแกห้ไขปัญหาของตนเอง ยังต้องศึกษาการปล่อยวาง ถอยหลัง ให้ลูก ๆ ไปใช้ความพยายามกันเอง”


ทุกช่วงอายุล้วนมีบทบาทและหน้าที่ที่แตกต่างกันของตน หนึ่งในประเทศที่มีดัชนีแห่งความสุขสูงสุดคือ ภูฐาน ผู้สูงอายุของประเทศนี้หลังเกษียณอายุแล้วจะอ่านคัมภีร์ อธิษฐานและอำนวยพร เพื่อสั่งสมคุณธรรมให้บุตรหลาน ประชาชาติและประเทศชาติ เราทำงานเหน็ดเหนื่อยชั่วชีวิต เหลือทรัพย์สมบัติให้แก่บุตรหลาน คิดว่าเช่นนี้จะสามารถทำให้ลูกๆ มีชีวิตที่สบายหน่อย เรามองดูทางประวัติศาสตร์ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย มีบุตรหลานสักเท่าใดที่สามารถเสพสุขจากวัตถุและทรัพย์สมบัติของบรรพบุรุษ ส่วนสิ่งที่จะเสพสุขได้เป็นทรัพย์สินทางจิตใจต่างหาก และการสืบทอดคุณธรรมอันดีงามของวงศ์ตระกูล ดังนั้น การเหลือทรัพย์เงินทองให้เป็นไปตามบุญวาสนาก็ดีแล้ว พอเหมาะพอสมจึงยุติ ไม่จำเป็นต้องเหน็ดเหนื่อยเกินไป เชื่อมั่นว่า ลูกๆ ของเรามีปัญญาและมีความสามารถไปรังสรรค์ชีวิตที่ตนอยากได้


คำถามที่ 3 เป็นคำถามของเด็กสาวที่เกิดหลังปี ค.ศ. 1990

เนื่องจากเธอป่วยเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งเป็นกรรมพันธุ์จากวงศ์ตระกูล เธอหวาดกลัวมาก ไม่ทราบว่าตนจะจากโลกนี้ไปอย่างฉับพลันหรือไม่ เธอเปิดคัมภีร์ “เต้าเต๋อจิง” ได้บทที่ 46 “รู้จักพอสุข นิรันดร์” พวกเราทุกคนอ่านบทคัมภีร์ดั้งเดิม บทแปลและคติธรรมด้วยกันดังนี้ “ใช้ธรรมะปกครองทั่วหล้า ใช้ม้าทำนาใส่ปุ๋ย ไร้ธรรมะปกครองทั่วหล้า แม้ลูกม้ายังเกิดในสมรภูมิ ผิดหนักที่สุดคือ เห็นแก่ตัวและทะยานอยาก ภัยใหญ่หลวงคือไม่รู้จักพอ ไม่มีผิดใดยิ่งกว่าความโลภ ดังนั้น รู้จักพอย่อมสมบูรณ์ยั่งยืน จะมีพอเพียงนิรันดร์” ส่วนคติธรรมมีดังนี้ “การระงับการคิดที่เกิดขึ้นชั่ววูบ คือ ปิดประตูอเวจี ต้องให้ความสนใจกับการคิดคือ การรู้จักพสุขนิรันดร์ที่เกิดขึ้นชั่ววูบของตนเสมอ เมื่อเกิดการคดชั่ววูบขึ้นต้องรีบหวนกลับ หากไม่หวนกลับ ยึดติดจนหลง ยากจะแก้ได้ เนื่องจากมนุษย์เกิดความทะยานอยากจึงเกิดพลังขับเคลื่อน ตัวความทะยานอยากไม่ได้ผิดอะไร สิ่งที่ผิดคือความละโมบ พลังของความละโมบมักจะนำพาสู่พลังแห่งการพังพินาศย่อยยับ จะไม่ระมัดระวังไม่ได้ จิตใจที่รู้จักพอ จำเป็นต้องมีชีวตที่มั่งคั่งและอิสระ”


เด็กสาวเบิกบานใจมาก เธอพูดว่า “ชีวิตมีไว้เพื่อเสพสุข มิใช่มีไว้เพื่แความหวาดกลัว เสพสุขทุกสิ่งทุกอย่างที่ถือครองในปัจจุบัน ทำงานให้ดี ดำเนินชีวิตอย่างเอาจริงเอาจัง มีท่าทีที่ดีต่อผู้อื่น เสพสุขทุกวันคือ การรู้จักพอสุขนิรันดร์ที่ดีที่สุด”

อ.หมิงเฟินใช้เรื่องราวของตนบอกเธอว่า การคิดและพลังงานเชิงบวก จะต้องให้ความสนใจต่อการคิดที่เกิดขึ้นชั่ววูบของตน และสนใจกลับตัวด้วย จิตใจที่หวาดกลัวจะสูญเสียพลังงานของชีวิตได้ เธอได้ประสบการปรับร่างกาย

2 views0 comments
bottom of page